
หลักสูตรการเรียนการสอน
หลักสูตรการเรียนการสอน
เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามมาตรฐานสากล CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) ประเมินผลสอบรับใบ Certificate โดยตรงจาก Cambridge Assessment English ประเทศอังกฤษ โรงเรียนได้จัดทำโปรแกรมการเรียนภาษาอังกฤษตามกรอบ (CEFR) เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะและความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ ทักษะการพูด ทักษะการฟัง ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียนตามศักยภาพของผู้เรียนอย่างมีคุณภาพ โดยได้จัดการเรียนการสอนเป็น 2 โปรแกรมได้แก่
MEP = Modern English Program การเรียน การสอน ภาษาไทย ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ จัดสอนโดย โดยมีครูชาวต่างชาติและครูไทยเป็นผู้สอนกิจกรรมอื่นๆในหลักสูตร Allcurriculumactivities
– ว่ายน้ำ
– คอมพิวเตอร์
– ภาษาอังกฤษ
– ภาษาจีน
– คหกรรม
– ศิลปะ
– ดนตรี
– Cooking
– Cover dance
– Thai dance
– ค่าอาหารกลางวัน
– กิจกรรมบูรณาการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน
– กิจกรรมหลังเลิกเรียน Extra class
IEAP = Intensive English Advance Program :
โดยมีการเรียนการสอนแบบ บูรณาการยึดตามกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมผสมผสานร่วมกับการเรียนการสอนด้านวิชาการ ตามหน่วยการเรียนรู้ และการสอนแบบโครงการ (Project Approach)ซึ่งเป็นการให้เด็กได้ ศึกษาหาข้อมูลในสิ่งที่ตัวเองสนใจ ฝึกคิดวิเคราะห์ ฝึกการตั้งคำถามเรียนรู้ผ่านการลงมือ ปฏิบัติด้วยตัวเอง ทั้งกระบวนกการเรียนรู้จะทำให้เด็กเกิดความเข้าใจแบบลึกซึ้ง
นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ (Conversation) โดยมีคุณครูต่างชาติเป็นผู้สอนทุกวัน และอีกหนึ่งจุดเด่นด้านการเรียนการสอนในระดับปฐมวัยของโรงเรียนสาธิต เคพีเอส วิเทศศาสตร์ คือ การสอนให้เด็กเป็น “คนดี” ก่อน “คนเก่ง” หรือที่เรียกว่า “ จิตอาสา” การปลูกฝังให้เด็กรู้จักมารยาท การแบ่งปัน การช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่น และการอยู่ร่วมกันในสังคม ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้และพัฒนาทางความคิด รวมถึงทางโรงเรียนยังเน้นให้เด็กปฐมวัยมีกิจกรรม Outdoor เพื่อพัฒนาการทางร่างกายที่แข็งแรง เติบโตสมวัย และยังเป็นการกระตุ้นสติปัญญา ไหวพริบ รู้จักการหาทางแก้ปัญหา และสามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข
กิจกรรมอื่นๆในหลักสูตร Allcurriculumactivities
– ว่ายน้ำ
– คอมพิวเตอร์
– ภาษาอังกฤษ
– ภาษาจีน
– คหกรรม
– ศิลปะ
– ดนตรี
– Cooking
– Cover dance
– Thai dance
– ค่าอาหารกลางวัน
– กิจกรรมบูรณาการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน
– กิจกรรมหลังเลิกเรียน Extra class
หลักสูตรเตรียมอนุบาล
ในระดับปฐมวัย ทางโรงเรียนได้เลือกใช้หลักสูตรภาษาไทย จีนและภาษาอังกฤษ แบบเข้มข้น
MEP = Modern English Program
MEP = Modern English Program การเรียน การสอน ภาษาไทย ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ จัดสอนโดย โดยมีครูชาวต่างชาติและครูไทยเป็นผู้สอนกิจกรรมอื่นๆในหลักสูตร Allcurriculumactivities
– ว่ายน้ำ
– คอมพิวเตอร์
– ภาษาอังกฤษ
– ภาษาจีน
– คหกรรม
– ศิลปะ
– ดนตรี
– Cooking
– Cover dance
– Thai dance
– ค่าอาหารกลางวัน
– กิจกรรมบูรณาการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน
– กิจกรรมหลังเลิกเรียน Extra class
หลักสูตรประถมศึกษา มี 2 หลักสูตร
ในระดับประถมศึกษา 1 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 30 คน ต่อคุณครูประจำชั้น 2 คน
โดยทางโรงเรียนสอนแบบสามัญใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่
-ภาษาไทย
-คณิตศาสตร์
-วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
-สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
-ภาษาต่างประเทศ
-ศิลปะ
-การงานอาชีพ
-สุขศึกษาและพลศึกษา (ตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด) นอกจากนี้ยังได้เลือกใช้หลักสูตรภาษาไทย ภาษาจีน และภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น
1. หลักสูตร Intensive English Advanc Program – IEAP
โดยมีการเรียนการสอนแบบ บูรณาการยึดตามกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมผสมผสานร่วมกับการเรียนการสอนด้านวิชาการ ตามหน่วยการเรียนรู้ และการสอนแบบโครงการ (Project Approach)ซึ่งเป็นการให้เด็กได้ ศึกษาหาข้อมูลในสิ่งที่ตัวเองสนใจ ฝึกคิดวิเคราะห์ ฝึกการตั้งคำถามเรียนรู้ผ่านการลงมือ ปฏิบัติด้วยตัวเอง ทั้งกระบวนกการเรียนรู้จะทำให้เด็กเกิดความเข้าใจแบบลึกซึ้ง
นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ (Conversation) โดยมีคุณครูต่างชาติเป็นผู้สอนทุกวัน และอีกหนึ่งจุดเด่นด้านการเรียนการสอนในระดับปฐมวัยของโรงเรียนสาธิต เคพีเอส วิเทศศาสตร์ คือ การสอนให้เด็กเป็น “คนดี” ก่อน “คนเก่ง” หรือที่เรียกว่า “ จิตอาสา” การปลูกฝังให้เด็กรู้จักมารยาท การแบ่งปัน การช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่น และการอยู่ร่วมกันในสังคม ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้และพัฒนาทางความคิด รวมถึงทางโรงเรียนยังเน้นให้เด็กปฐมวัยมีกิจกรรม Outdoor เพื่อพัฒนาการทางร่างกายที่แข็งแรง เติบโตสมวัย และยังเป็นการกระตุ้นสติปัญญา ไหวพริบ รู้จักการหาทางแก้ปัญหา และสามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข
กิจกรรมอื่นๆในหลักสูตร Allcurriculumactivities
– ว่ายน้ำ
– คอมพิวเตอร์
– ภาษาอังกฤษ
– ภาษาจีน
– คหกรรม
– ศิลปะ
– ดนตรี
– Cooking
– Cover dance
– Thai dance
– ค่าอาหารกลางวัน
– กิจกรรมบูรณาการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน
– กิจกรรมหลังเลิกเรียน Extra class
2. หลักสูตร Modern English Program – MEP
โดยมีครูชาวต่างชาติและครูไทยเป็นผู้สอนกิจกรรมอื่นๆในหลักสูตร Allcurriculumactivities
– ว่ายน้ำ
– คอมพิวเตอร์
– ภาษาอังกฤษ
– ภาษาจีน
– คหกรรม
– ศิลปะ
– ดนตรี
– Cooking
– Cover dance
– Thai dance
– ค่าอาหารกลางวัน
– กิจกรรมบูรณาการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน
– กิจกรรมหลังเลิกเรียน Extra class

ระดับชั้นปฐมวัย
ระดับปฐมวัย (เตรียมอนุบาล -อนุบาล 3)
มีความสุขและสนุกกับการมาโรงเรียน เน้นจินตนาการมากกว่าความรู้ เสริมทักษะ EF ปลูกฟังทักษะภาวะผู้นำ(จิตอาสา) ส่งเสริมพัฒนาการโดยผ่านกิจกรรม 6 หลัก เคลื่อนไหวและจังหวะ สร้างสรรค์เสรี เสริมประสบการณ์กลางแจ้ง เกมการศึกษา
1. มีความเป็นเลิศและแสดงความสามารถโดดเด่นทางวิชาการ
2. มีสัมมาคาราวะและมีความประพฤติเรียนร้อย อยู่ในหลักศีลธรรม จริยธรรมอันดี
3. ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีนิสัยรักการอ่าน และแสวงหาความรู้ด้วยตอนเองอยู่เสมอและสามารถปรักตัวก้าวทันเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลง
4. เป็นผู้มีน้ำใจนักกีฬา รักดนตรี ภาคภูมิในในศิลปวัฒนธรรมประจำชาติยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองระบบประชาธิปไตย อันมีมหากษัตริย์เป็นประมุข
5. มีความสามารถและทักษะในการคิด แก้ไขปัญหา การทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความเป็นผู้นำ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มองโลกในแง่ดี เห็นแกส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
มาตรฐานหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2546
เด็กปฐมวัยอายุต่ำกว่า 3 ปี
เด็กปฐมวัย อายุ 3-5 ปี
โดยมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ทั้ง 12 ข้อมีดังนี้
– ร่างกายเจริญเติบโตตามวัย และมีสุขนิสัยที่ดี
– กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว และประสานสัมพันธ์กัน
– มีสุขภาพจิตดีและมีความสุข
– มีคุณธรรม จริยธรรม
– ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว และรักการออกกำลังกาย
– ช่วยเหลือตนเองได้เหมาะสมกับวัย
– รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความเป็นไทย
– อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
– ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย
– มีความสามารถในการคิดและการแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับวัย
– มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
– มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีทักษะในการ แสวงหาความรู้
ในการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย กระทรวงศึกษาธิการ (2546:5) ได้กำหนดปรัชญาการศึกษา ไว้ดังนี้
การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ปี บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ตามศักยภาพภายใต้บริบทสังคม วัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคนเพื่อสร้างรากฐาน คุณภาพชี้วัดให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเองและสังคม (กระทรวงศึกษาธิการ2546:3)
หลักการการจัดการศึกษาปฐมวัยกระทรวงศึกษาธิการ(2546:5) ได้กำหนดหลักการในการศึกษาในระดับปฐมวัยไว้ดังนี้
เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการ ตลอดจนการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เด็กกับผู้เลี้ยงดู หรือบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และให้การศึกษาเด็กปฐมวัย เพื่อให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลำดับขั้นของพัฒนาการทุกด้านอย่างสมดุลและเต็มศักยภาพ โดยกำหนดหลักการ ดังนี้
1. ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการที่ครอบคลุมเด็กปฐมวัยทุกประเภท
2. ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและวิถีชีวิตของเด็กตามบริบทของชุมชน สังคม และวัฒนธรรม
3. พัฒนาเด็กโดยองค์รวมเน้นการเล่นและกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย
4. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข
5. ประสานความร่วมมือระหว่างครอบครัว ชุมชน และสถานศึกษาในการพัฒนาเด็ก
จุดมุ่งหมายการจัดการศึกษาปฐมวัย
หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย มุ่งให้เด็กพัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาที่เหมาะสมกับวัย ความสามารถและความแตกต่างระหว่างบุคคล จึงกำหนดจุดมุ่งหมายซึ่งถือเป็นมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ได้ ดังนี้ (กระทรวงศึกษาธิการ 2546:31)
1. ร่างกายเจริญเติบโตตามวัยและมีสุขนิสัยที่ดี
2. กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว และประสานสัมพันธ์กัน
3. มีสุขภาพจิตที่ดีและมีความสุข
4. มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจดีงาม
5. ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี การเคลื่อนไหว และรักการออกกำลังกาย
6. ช่วยเหลือตนเองได้เหมาะสมกับวัย
7. รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความเป็นไทย
8. อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
9. ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย
10. มีความสามารถในการคิดและการแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับวัย
11. มีจิตนาการและความคิดสร้างสรรค์
12. มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีทักษะในการแสวงหาความรู้
คุณลักษณะตามวัยของเด็กปฐมวัย
คุณลักษณะตามวัยเป็นความสามารถตามวัยหรือพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงอายุ พัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงอายุ อาจจะเร็วหรือช้ากว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็เป็นได้ แต่จะพัฒนาไป อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้กำหนดคุณลักษณะตามวัยที่สำคัญของเด็กช่วงอายุ 3-5 ปี
โครงสร้างของหลักสูตร
เพื่อให้การจัดการศึกษาเป็นไปตามหลักการ จุดหมายที่กำหนดไว้ให้สถานศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฏิบัติ ในการจัดหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยจึงกำหนดโครงสร้างของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
1.4.1 การจัดชั้นหรือกลุ่มเด็ก ให้ยึดอายุเป็นหลักและอาจเรียกชื่อแตกต่างกันไปตาม หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแล เช่น กลุ่มเด็กที่มีอายุ 3 ปี อาจเรียกชื่อ อนุบาล 1 กลุ่มเด็กที่มีอายุ 4 ปี อาจเรียกชื่ออนุบาล 2 กลุ่มเด็กที่มีอายุ 5 ปี อาจเรียกชื่อ อนุบาล 3 หรือเด็กเล็ก ฯลฯ
1.4.2 ระยะเวลาเรียน ใช้เวลาในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็ก 1-3 ปีการศึกษาโดยประมาณทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของเด็กที่เริ่มเข้ารับการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษา
1.4.3 สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย สำหรับเด็กอายุ 3 – 5 ปี ประกอบด้วย 2 ส่วน คือประสบการณ์สำคัญและสาระที่ควรเรียนรู้ ทั้งสองส่วนใช้เป็นสื่อกลางในการจัดประสบการณ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ สติปัญญา ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาเด็กให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์โดยผู้สอนหรือผู้จัดการศึกษาอาจจัดในรูปแบบหน่วยการสอนแบบบูรณาการหรือเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยรวมทั้งต้องสอดคล้องกับปรัชญาและหลักการจัดการศึกษาปฐมวัย
1.ประสบการณ์สำคัญ
จะช่วยอธิบายให้ผู้สอนเข้าใจว่าเด็กปฐมวัยต้องทำอะไร เรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว อย่างไร และทุกประสบการณ์มีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก ช่วยแนะผู้สอนในการสังเกต สนับสนุน และวางแผนการจัดกิจกรรมให้เด็ก ประสบการณ์สำคัญที่กำหนดไว้ในหลักสูตรมีความสำคัญต่อการสร้างองค์ความรู้ของเด็ก ตัวอย่างเช่น เด็กเข้าใจความหมายของพื้นที่ ระยะ ผ่านประสบการณ์สำคัญการบรรจุและเทออก ดังนั้นผู้สอนจึงวางแผนจัดกิจกรรมให้เด็กเล่นบรรจุทราย/น้ำลงในภาชนะหรือถ่ายเททราย/น้ำออกจากภาชนะต่างๆ ขณะเล่นทรายเล่นน้ำ เด็กจะเรียนรู้ผ่านประสบการณ์สำคัญซ้ำแล้วซ้ำอีก มีการปฏิสัมพันธ์กับวัตถุ สิ่งของ ผู้ใหญ่ และเด็กอื่น ฯลฯ ผู้สอนที่เข้าใจและเห็นความสำคัญจะยึดประสบการณ์สำคัญเป็นเสมือนเครื่องมือสำหรับการสังเกตพัฒนาการเด็ก แปลการกระทำของเด็ก ช่วยตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดสื่อ และช่วยวางแผนกิจกรรมในแต่ละวัน ประสบการณ์สำคัญสำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี จะครอบคลุมพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน คือ
– ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย
เป็นการสนับสนุนให้เด็กได้มีโอกาสดูแลสุขภาพและสุขอนามัย รักษาความปลอดภัย พัฒนากล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก
– ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ
เป็นการสนับสนุนให้เด็กได้แสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกที่เหมาะสมกับวัย มีความสุข ร่าเริงแจ่มใสได้พัฒนาคุณธรรมจริยธรรม สุนทรียภาพ ความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและความเชื่อมั่นในตนเองขณะปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ
– ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม
เป็นการสนับสนุนให้เด็กได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับบุคคลและสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัวจากการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆผ่านการเรียนรู้ทางสังคม เช่น การเล่น การทำงานกับผู้อื่น การปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน การแก้ปัญหาข้อขัดแย้งต่างๆ ฯลฯ
– ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญา
เป็นการสนับสนุนให้เด็กได้รับรู้ เรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ผ่านการคิด การใช้ภาษา การสังเกต การจำแนกและเปรียบเทียบ จำนวน มิติสัมพันธ์(พื้นที่/ระยะ) และเวลา
2.สาระที่ควรเรียนรู้
สาระในส่วนนี้กำหนดเฉพาะหัวข้อไม่มีรายละเอียดทั้งนี้เพื่อประสงค์จะให้ผู้สอนสามารถกำหนดรายละเอียดขึ้นเองให้สอดคล้องกับวัย ความต้องการ ความสนใจของเด็ก อาจยืดหยุ่นเนื้อหาได้โดยคำนึงถึงประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อมในชีวิตจริงของเด็ก ผู้สอนสามารถนำสาระที่ควรเรียนรู้มาบูรณาการ จัดประสบการณ์ต่างๆให้ง่ายต่อการ เรียนรู้ ทั้งนี้มิได้ประสงค์ให้เด็กท่องจำเนื้อหา แต่ต้องการให้เด็กเกิดแนวคิดหลังจากนำสาระการเรียนรู้นั้นๆมาจัดประสบการณ์ให้เด็กเพื่อให้บรรลุจุดหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ สาระที่ควรเรียนรู้ยังใช้เป็นแนวทางช่วยผู้สอนกำหนดรายละเอียดและความยากง่ายของเนื้อหาให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กสาระที่ควรเรียนรู้ประกอบด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก ธรรมชาติรอบตัว และสิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก ดังนี้
2.1 เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เด็กควรรู้จักชื่อ นามสกุล รูปร่าง หน้าตาของตน รู้จักอวัยวะต่างๆ และวิธีระวังรักษาร่างกายให้สะอาด ปลอดภัย มีสุขอนามัยที่ดี เรียนรู้ที่จะเล่นและ ทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองคนเดียวหรือกับผู้อื่น ตลอดจนเรียนรู้ที่จะแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก และแสดงมารยาทที่ดีทั้งนี้ เมื่อเด็กมีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนเองแล้ว เด็กควรจะเกิดแนวคิดดังนี้
– ฉันมีชื่อตั้งแต่เกิด ฉันมีเสียง รูปร่างหน้าตาไม่เหมือนใคร ฉันภูมิใจที่เป็น ตัวฉันเองเป็นคนไทยที่ดี มีมารยาท มีวินัย รู้จักแบ่งปัน ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง เช่น แต่งตัว แปรงฟัน รับประทานอาหาร ฯลฯ
– ฉันมีอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตา หู จมูก ปาก ขา มือ ผม นิ้วมือ นิ้วเท้า ฯลฯ และ ฉันรู้จักวิธีรักษาร่างกายให้สะอาด ปลอดภัย มีสุขภาพดี
– ฉันต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ออกกำลังกาย และพักผ่อน เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโต
– ฉันเรียนรู้ข้อตกลงต่างๆรู้จักระมัดระวังรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นเมื่อทำงาน เล่นคนเดียว และเล่นกับผู้อื่น
– ฉันอาจรู้สึกดีใจ เสียใจ โกรธ เหนื่อย หรืออื่น ๆ แต่ฉันเรียนรู้ที่จะแสดงความรู้สึกในทางที่ดี และเมื่อฉันแสดงความคิดเห็น หรือทำสิ่งต่าง ๆด้วยความคิดของตนเอง แสดงว่าฉันมีความคิดสร้างสรรค์ ความคิดของฉันเป็นสิ่งสำคัญ แต่คนอื่นก็มีความคิดที่ดีเหมือนฉันเช่นกัน
2.2 เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก เด็กควรได้มีโอกาสรู้จักและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน รวมทั้งบุคคลต่างๆที่เด็กต้องเกี่ยวข้อง หรือมีโอกาสใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ เมื่อเด็กมีโอกาสเรียนรู้แล้วเด็กควรเกิดแนวคิด ดังนี้
– ทุกคนในครอบครัวของฉันเป็นบุคคลสำคัญ ต้องการที่อยู่อาศัย อาหาร เสื้อผ้า และยารักษาโรค รวมทั้งต้องการความรัก ความเอื้ออาทร ช่วยดูแลซึ่งกันและกัน ช่วยกันทำงานและปฏิบัติตามข้อตกลงภายในครอบครัว ฉันต้องเคารพเชื่อฟังพ่อแม่และผู้ใหญ่ในครอบครัว ปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกาลเทศะ ครอบครัวของฉันมีวันสำคัญต่าง ๆ เช่น วันเกิดของบุคคลในครอบครัว วันทำบุญบ้าน ฯลฯ ฉันภูมิใจในครอบครัวของฉัน
– สถานศึกษาของฉันมีชื่อเป็นสถานที่ที่เด็กๆมาทำกิจกรรมร่วมกันและทำให้ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย สถานศึกษาของฉันมีคนอยู่ร่วมกันหลายคนทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบ ปฏิบัติตามกฏระเบียบ ช่วยกันรักษาความสะอาดและทรัพย์สมบัติของสถานศึกษา ส่วนครูรักฉันและเอาใจใส่ดูแลเด็กทุกคน เวลาทำกิจกรรมฉันและเพื่อนจะช่วยกันคิด ช่วยกันทำ รับฟังความคิดเห็น และรับรู้ความรู้สึกซึ่งกันและกัน
– ท้องถิ่นของฉันมีสถานที่ บุคคล แหล่งวิทยากร แหล่งเรียนรู้ต่างๆที่สำคัญ คนในท้องถิ่นที่ฉันอาศัยอยู่มีอาชีพที่หลากหลาย เช่น ครู แพทย์ ทหาร ตำรวจ ชาวนา ชาวสวน พ่อค้า แม่ค้า ฯลฯ ท้องถิ่นของฉันมีวันสำคัญของตนเอง ซึ่งจะมีการปฏิบัติกิจกรรมที่แตกต่างกันไป
– ฉันเป็นคนไทย มีวันสำคัญของชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ มี วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีหลายอย่าง ฉันและเพื่อนนับถือศาสนา หรือมีความเชื่อที่เหมือนกันหรือแตกต่างกันได้ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ฉันภูมิใจที่ฉันเป็นคนไทย
2.3 ธรรมชาติรอบตัว เด็กควรจะได้รู้จักสิ่งมีชีวิตที่เป็นต้นไม้ ดอกไม้ สัตว์ รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของโลกที่แวดล้อมเด็กตามธรรมชาติ เช่น ฤดูกาล กลางวัน กลางคืน ฯลฯ แนวคิดที่ควรให้เกิดหลังจากเด็กเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว มีดังนี้
-ธรรมชาติรอบตัวฉันมีทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สิ่งมีชีวิตต้องการอากาศ แสงแดด น้ำและอาหารเพื่อเจริญเติบโต สิ่งมีชีวิตสามารถปรับตัวให้เข้ากับลักษณะอากาศ ฤดูกาล และยังต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน สำหรับสิ่งไม่มีชีวิต เช่น น้ำ หิน ดิน ทราย ฯลฯ มีรูปร่าง สี ประโยชน์ และโทษต่างกัน
– ลักษณะอากาศรอบตัวแต่ละวันอาจเหมือนหรือแตกต่างกันได้บางครั้งฉันทายลักษณะอากาศได้จากสิ่งต่างๆรอบตัว เช่น เมฆ ท้องฟ้า ลม ฯลฯในเวลากลางวันเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนดวงอาทิตย์ตก คนส่วนใหญ่จะตื่นและทำงาน ส่วนฉันไปโรงเรียนหรือเล่น เวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ตกจนดวงอาทิตย์ขึ้น ฉันและคนส่วนใหญ่จะนอนพักผ่อนตอนกลางคืน
– สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติรอบตัวฉัน เช่น ต้นไม้ สัตว์ น้ำ ดิน หิน ทราย อากาศ ฯลฯ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตต้องได้รับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นรอบๆตัวฉัน เช่น บ้านอยู่อาศัย ถนนหนทาง สวนสาธารณะ สถานที่ต่าง ๆ ฯลฯ เป็นสิ่งที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทุกคนรวมทั้งฉันช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักษาสาธารณสมบัติโดย ไม่ทำลายและบำรุงรักษาให้ดีขึ้นได้
2.4 สิ่งต่างๆ รอบตัวเด็ก เด็กควรจะได้รู้จักสิ่งของเครื่องใช้ ยานพาหนะและการสื่อสารต่างๆ ที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันของเด็ก ทั้งนี้เมื่อเด็กมีโอกาสเรียนรู้แล้วเด็กควรเกิดแนวคิด ดังนี้
– สิ่งต่างๆรอบตัวฉันส่วนใหญ่มีสี ยกเว้นกระจกใส พลาสติกใส น้ำบริสุทธิ์ อากาศบริสุทธิ์ ฉันเห็นสีต่างๆด้วยตา แสงสว่างช่วยให้ฉันมองเห็นสี สีมีอยู่ทุกหนทุกแห่งที่ฉันสามารถเห็น ตามดอกไม้ เสื้อผ้า อาหาร รถยนต์ และอื่น ๆ สีที่ฉันเห็นมีชื่อเรียกต่างๆกัน เช่น แดง เหลือง น้ำเงิน ฯลฯ สีแต่ละสีทำให้เกิดความรู้สึกต่างกัน สีบางสีสามารถใช้เป็นสัญญาณ หรือสัญลักษณ์สื่อสารกันได้
– สิ่งต่าง ๆ รอบตัวฉันมีชื่อ ลักษณะต่าง ๆ กัน สามารถแบ่งตามประเภท ชนิด ขนาด สี รูปร่าง พื้นผิว วัสดุ รูปเรขาคณิต ฯลฯ
– การนับสิ่งต่าง ๆ ทำให้ฉันรู้จำนวนสิ่งของ และจำนวนนับนั้นเพิ่มหรือลดได้ ฉันเปรียบเทียบสิ่งของต่างๆ ตามขนาด จำนวน น้ำหนัก และจัดเรียงลำดับสิ่งของต่าง ๆ ตามขนาด ตำแหน่ง ลักษณะที่ตั้งได้
– คนเราใช้ตัวเลขในชีวิตประจำวัน เช่น เงิน โทรศัพท์ บ้านเลขที่ ฯลฯ ฉันรวบรวมข้อมูลง่าย ๆ นำมาถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจได้โดยนำเสนอด้วยรูปภาพ แผนภูมิ แผนผัง แผนที่ ฯลฯ
– สิ่งที่ช่วยฉันในการชั่งตวงวัด มีหลายอย่าง เช่น เครื่องชั่ง ไม้บรรทัด สายวัด ถ้วยตวง ช้อนตวง เชือก วัสดุ สิ่งของอื่น ๆ บางอย่างฉันอาจใช้การคาดคะเนหรือกะประมาณ
– เครื่องมือเครื่องใช้มีหลายชนิดและหลายประเภท เช่น เครื่องใช้ในการทำสวน การก่อสร้าง เครื่องใช้ภายในบ้าน ฯลฯ คนเราใช้เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน แต่ขณะเดียวกันต้องระมัดระวังในเวลาใช้เพราะอาจเกิดอันตรายและเกิดความเสียหายได้ถ้าใช้ผิดวิธีหรือใช้ผิดประเภท เมื่อใช้แล้วควรทำความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
– ฉันเดินทางจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งได้ด้วยการเดินหรือใช้ยานพาหนะ พาหนะบางอย่างที่ฉันเห็นเคลื่อนที่ได้โดยการใช้เครื่องยนต์ ลม ไฟฟ้า หรือคนเป็นผู้ทำให้เคลื่อนที่ คนเราเดินทางหรือขนส่งได้ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ พาหนะที่ใช้เดินทาง เช่น รถยนต์ รถเมล์ รถไฟ เครื่องบิน เรือ ฯลฯ ผู้ขับขี่จะต้องได้รับใบอนุญาตขับขี่และทำตามกฎจราจรเพื่อความปลอดภัยของทุกคน และฉันต้องเดินบนทางเท้า ข้ามถนนตรงทางม้าลาย สะพานลอย หรือตรงที่มีสัญญาณไฟ เพื่อความปลอดภัยและต้องระมัดระวังเวลาข้าม
– ฉันติดต่อสื่อสารกับบุคคลต่างๆได้หลายวิธี เช่น โดยการไปมาหาสู่ โทรศัพท์ โทรเลข จดหมาย จดหมายอิเลคทรอนิคส์ ฯลฯ และฉันทราบข่าวความเคลื่อนไหวต่างๆ รอบตัวด้วยการสนทนา ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ และอ่านหนังสือ หนังสือเป็นสื่อในการ ถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึกไปยังผู้อ่าน ถ้าฉันชอบอ่านหนังสือ ฉันก็จะมีความรู้ ความคิดมากขึ้น ฉันใช้ภาษาทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เพื่อการสื่อความหมายในชีวิตประจำวัน

ระดับประถมศึกษา
รายลเอียดประถมศึกษา
- มีความเป็นเลิศและแสดงความสามารถโดดเด่นทางวิชาการ
- มีสัมมาคาราวะและมีความประพฤติเรียนร้อย อยู่ในหลักศีลธรรม จริยธรรมอันดี
- ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีนิสัยรักการอ่าน และแสวงหาความรู้ด้วยตอนเองอยู่เสมอและสามารถปรักตัวก้าวทันเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลง
- เป็นผู้มีน้ำใจนักกีฬา รักดนตรี ภาคภูมิในในศิลปวัฒนธรรมประจำชาติยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองระบบประชาธิปไตย อันมีมหากษัตริย์เป็นประมุข
- มีความสามารถและทักษะในการคิด แก้ไขปัญหา การทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความเป็นผู้นำ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มองโลกในแง่ดี เห็นแกส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
เกณฑ์การรับสมัครนักเรียนประถมศึกษา
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
– นักเรียนที่สอบผ่านชั้นอนุบาล 3
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ถึงปีที่ 6
– นักเรียนที่มีพื้นฐานความรู้ในระดับนั้นๆ
เกณฑ์การทดสอบ
- สัมภาษณ์นักเรียนและผู้ปกครอง
- ทดสอบความพร้อมทางด้านวิชาภาษาไทยภาษาอังกฤษคณิตศาสตร์
- ทดสอบวาดภาพตามจินตนาการและพร้อมนำเสนอ
อัตราค่าธรรมเนียมการเรียนการสอน
ภาคเรียน MEP
– ค่าแรกเข้า 5,000 บาท
– เตรียมอนุบาล 35,000 บาท
ภาคเรียน MEP
– ค่าแรกเข้า 5,000 บาท
– อนุบาลชั้นปีที่ 1 – ประถมศึกษาปีที่ 6 ( 35,000 บาท )
ภาคเรียน IEAP
– ค่าแรกเข้า 10,000 บาท
– ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ( 65,000 บาท )
กิจกรรมในหลักสูตร Allcurriculumactivities
- ว่ายน้ำ
- คอมพิวเตอร์
- ภาษาอังกฤษ
- ภาษาจีน
- คหกรรม
- ศิลปะ
- ดนตรี
- ค่าอาหารกลางวัน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 เป็นการต่อยอดจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง เจตคติ ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ
การใช้หลักสูตรของโรงเรียน
1. ปีการศึกษา 2561 ให้ใช้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 4 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4
2. ปีการศึกษา 2562 ให้ใช้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และ 5 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5
3. ปีการศึกษา 2563 เป็นต้นไป ให้ใช้ทุกชั้นเรียน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
– ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
– ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
– ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางสาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และแนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
การวัดและประเมินผลของโรงเรียน ยึดตามแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยกำหนดให้สถานศึกษาประเมินผลการเรียนรู้ ใน 4 ด้าน
1. การประเมินผลการเรียนรายวิชาของ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้
2. การประเมินความสามารถด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน
3. การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
4. การประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
5. การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
การวัดและประเมินผล ใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย และมีความต่อเนื่อง ในระหว่างที่การเรียนการสอนหรือทำกิจกรรมเน้นการประเมินตามสภาพจริงและให้ความสำคัญกับการประเมินระหว่างเรียน/กิจกรรม มากกว่าการประเมินปลายภาค/ปลายปี
- การวัดผล
-การบ้านประจำวัน
-การสังเกตพฤติกรรม
-การเรียนรู้ตามหน่วยการเรียน
-การวัดผลด้านความรู้
- การประเมินผล
-การตรวจการบ้านประจำวัน
-การประเมินพัฒนาการ
-การทดสอบ
- ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันการเรียนรู้ด้วยตนเองการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องการทำงานและการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆและมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้การสื่อสารการทำงานการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ถูกต้องเหมาะสมและมีคุณธรรม
- คุณลักษณะอันพึงประสงค์
– รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
– ซื่อสัตย์สุจริต
– มีวินัย
– ใฝ่เรียนรู้
-อยู่อย่างพอเพียง
– มุ่งมั่นในการทำงาน
– รักความเป็นไทย
– มีจิตสาธารณะ
- สมรรถนะสำคัญของนักเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- Me-C (Math Chinese and English Program)
เพื่อเสริมทักษะด้าน กระบวนการด้วยวิชาคณิตศาสตร์แบบญี่ปุ่นการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษและภาษาจีนโดยมีจุดเน้นสำคัญดังนี้
1. Mathematices พัฒนาระบบการคิดของนักเรียนผ่านการเรียนวิชาคณิตศาสตร์แบบญี่ปุ่น
2. English เน้นฝึก 4 ทักษะคือการฟังนักเรียนฝึกกับครูเจ้าของภาษาการพูดนักเรียนโต้ตอบกับครูเจ้าของภาษาการอ่านนักเรียนรู้หลักการอ่านตาม Phonic และการเขียนนักเรียนเขียนคำศัพท์ Easy อย่างง่ายๆ
3. Chineses เน้นการรับ-ส่งสารพื้นฐาน โดยการฟัง-พูดกับครูคนจีนโดยตรง การอ่านรู้หลักการอ่านและระบบพินอินการเขียน-ตามหลักลำดับขีดของตัวหนังสือจีนพื้นฐาน โดยเวลาโดยเพิ่มเวลาการสอนวิชาคณิตศาสตร์ วิชาภาษาอังกฤษวิชาภาษาจีนสัปดาห์ละ 5-6 คาบ โดยครูชาวต่างชาติเจ้าของภาษา และเสริมพิเศษด้วยครูไทยที่ชำนาญด้านภาษาอีก 1 คาบซึ่งลักษณะการเรียนการสอนด้วยภาษาไทยในแต่ละสาระการเรียนรู้ จึงเป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับบุตรหลานที่ผู้ปกครองต้องการส่งเสริมให้ได้ศึกษาต่อระดับมัธยมสูงขึ้นไป
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- คุณลักษณะอันพึงประสงค์
– รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
– ซื่อสัตย์สุจริต
– มีวินัย
– ใฝ่เรียนรู้
– อยู่อย่างพอเพียง
– มุ่งมั่นในการทำงาน
– รักความเป็นไทย
– มีจิตสาธารณะ