“เราสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนของเราจากการเรียนรู้สู่ความเป็นดาว”

064-7493-393 / 084-183-4697
เวลาทำการ : จ-ศ 8:30-16:30 น.
เวลาทำการ : จ-ศ 8:30-16:30 น.
โรงเรียน สาธิต เคพีเอส วิเทศศาสตร์-web-BG2
การรับสมัครนักเรียน

หลักสูตร
การเรียนการสอน

ระดับปฐมวัย
Elementary level

KPS เตรียมอนุบาล

ระดับอนุบาล
Kindergarten

KPS-อนุบาล

ระดับประถมศึกษา
Primary

KPS-ประถม

หลักสูตรการเรียนการสอน

หลักสูตรการเรียนการสอน

เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตามมาตรฐานสากล CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) ประเมินผลสอบรับใบ Certificate โดยตรงจาก Cambridge Assessment English ประเทศอังกฤษ โรงเรียนได้จัดทำโปรแกรมการเรียนภาษาอังกฤษตามกรอบ (CEFR) เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะและความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ ทักษะการพูด ทักษะการฟัง ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียนตามศักยภาพของผู้เรียนอย่างมีคุณภาพ โดยได้จัดการเรียนการสอนเป็น 2 โปรแกรมได้แก่

MEP = Modern English Program การเรียน การสอน ภาษาไทย ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ จัดสอนโดย โดยมีครูชาวต่างชาติและครูไทยเป็นผู้สอนกิจกรรมอื่นๆในหลักสูตร Allcurriculumactivities
– ว่ายน้ำ
– คอมพิวเตอร์
– ภาษาอังกฤษ
– ภาษาจีน
– คหกรรม
– ศิลปะ
– ดนตรี
– Cooking
– Cover dance
– Thai dance
– ค่าอาหารกลางวัน
– กิจกรรมบูรณาการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน
– กิจกรรมหลังเลิกเรียน Extra class

IEAP = Intensive English Advance Program :

โดยมีการเรียนการสอนแบบ บูรณาการยึดตามกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมผสมผสานร่วมกับการเรียนการสอนด้านวิชาการ ตามหน่วยการเรียนรู้ และการสอนแบบโครงการ (Project Approach)ซึ่งเป็นการให้เด็กได้ ศึกษาหาข้อมูลในสิ่งที่ตัวเองสนใจ ฝึกคิดวิเคราะห์ ฝึกการตั้งคำถามเรียนรู้ผ่านการลงมือ ปฏิบัติด้วยตัวเอง ทั้งกระบวนกการเรียนรู้จะทำให้เด็กเกิดความเข้าใจแบบลึกซึ้ง

นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ (Conversation) โดยมีคุณครูต่างชาติเป็นผู้สอนทุกวัน และอีกหนึ่งจุดเด่นด้านการเรียนการสอนในระดับปฐมวัยของโรงเรียนสาธิต เคพีเอส วิเทศศาสตร์ คือ การสอนให้เด็กเป็น “คนดี” ก่อน “คนเก่ง” หรือที่เรียกว่า “ จิตอาสา” การปลูกฝังให้เด็กรู้จักมารยาท การแบ่งปัน การช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่น และการอยู่ร่วมกันในสังคม ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้และพัฒนาทางความคิด รวมถึงทางโรงเรียนยังเน้นให้เด็กปฐมวัยมีกิจกรรม Outdoor เพื่อพัฒนาการทางร่างกายที่แข็งแรง เติบโตสมวัย และยังเป็นการกระตุ้นสติปัญญา ไหวพริบ รู้จักการหาทางแก้ปัญหา และสามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข

กิจกรรมอื่นๆในหลักสูตร Allcurriculumactivities

– ว่ายน้ำ

– คอมพิวเตอร์

– ภาษาอังกฤษ

– ภาษาจีน

– คหกรรม

– ศิลปะ

– ดนตรี

– Cooking

– Cover dance

– Thai dance

– ค่าอาหารกลางวัน

– กิจกรรมบูรณาการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน

– กิจกรรมหลังเลิกเรียน Extra class

ในระดับปฐมวัย ทางโรงเรียนได้เลือกใช้หลักสูตรภาษาไทย จีนและภาษาอังกฤษ แบบเข้มข้น

MEP = Modern English Program

MEP = Modern English Program การเรียน การสอน ภาษาไทย ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ จัดสอนโดย  โดยมีครูชาวต่างชาติและครูไทยเป็นผู้สอนกิจกรรมอื่นๆในหลักสูตร Allcurriculumactivities

– ว่ายน้ำ

– คอมพิวเตอร์

– ภาษาอังกฤษ

– ภาษาจีน

– คหกรรม

– ศิลปะ

– ดนตรี

– Cooking

– Cover dance

– Thai dance

– ค่าอาหารกลางวัน

– กิจกรรมบูรณาการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน

– กิจกรรมหลังเลิกเรียน Extra class

ในระดับประถมศึกษา 1 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 30 คน ต่อคุณครูประจำชั้น 2 คน
โดยทางโรงเรียนสอนแบบสามัญใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่
-ภาษาไทย
-คณิตศาสตร์
-วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
-สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
-ภาษาต่างประเทศ
-ศิลปะ
-การงานอาชีพ
-สุขศึกษาและพลศึกษา (ตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด) นอกจากนี้ยังได้เลือกใช้หลักสูตรภาษาไทย ภาษาจีน และภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น

1. หลักสูตร Intensive English Advanc Program – IEAP
โดยมีการเรียนการสอนแบบ บูรณาการยึดตามกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมผสมผสานร่วมกับการเรียนการสอนด้านวิชาการ ตามหน่วยการเรียนรู้ และการสอนแบบโครงการ (Project Approach)ซึ่งเป็นการให้เด็กได้ ศึกษาหาข้อมูลในสิ่งที่ตัวเองสนใจ ฝึกคิดวิเคราะห์ ฝึกการตั้งคำถามเรียนรู้ผ่านการลงมือ ปฏิบัติด้วยตัวเอง ทั้งกระบวนกการเรียนรู้จะทำให้เด็กเกิดความเข้าใจแบบลึกซึ้ง
นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ (Conversation) โดยมีคุณครูต่างชาติเป็นผู้สอนทุกวัน และอีกหนึ่งจุดเด่นด้านการเรียนการสอนในระดับปฐมวัยของโรงเรียนสาธิต เคพีเอส วิเทศศาสตร์ คือ การสอนให้เด็กเป็น “คนดี” ก่อน “คนเก่ง” หรือที่เรียกว่า “ จิตอาสา” การปลูกฝังให้เด็กรู้จักมารยาท การแบ่งปัน การช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่น และการอยู่ร่วมกันในสังคม ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้และพัฒนาทางความคิด รวมถึงทางโรงเรียนยังเน้นให้เด็กปฐมวัยมีกิจกรรม Outdoor เพื่อพัฒนาการทางร่างกายที่แข็งแรง เติบโตสมวัย และยังเป็นการกระตุ้นสติปัญญา ไหวพริบ รู้จักการหาทางแก้ปัญหา และสามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข
กิจกรรมอื่นๆในหลักสูตร Allcurriculumactivities
– ว่ายน้ำ
– คอมพิวเตอร์
– ภาษาอังกฤษ
– ภาษาจีน
– คหกรรม
– ศิลปะ
– ดนตรี
– Cooking
– Cover dance
– Thai dance
– ค่าอาหารกลางวัน
– กิจกรรมบูรณาการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน
– กิจกรรมหลังเลิกเรียน Extra class

2. หลักสูตร Modern English Program – MEP
โดยมีครูชาวต่างชาติและครูไทยเป็นผู้สอนกิจกรรมอื่นๆในหลักสูตร Allcurriculumactivities
– ว่ายน้ำ
– คอมพิวเตอร์
– ภาษาอังกฤษ
– ภาษาจีน
– คหกรรม
– ศิลปะ
– ดนตรี
– Cooking
– Cover dance
– Thai dance
– ค่าอาหารกลางวัน
– กิจกรรมบูรณาการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน
– กิจกรรมหลังเลิกเรียน Extra class

KPS-ELEMENTARY LEVEL

ระดับชั้นปฐมวัย

ระดับปฐมวัย (เตรียมอนุบาล -อนุบาล 3)

มีความสุขและสนุกกับการมาโรงเรียน เน้นจินตนาการมากกว่าความรู้ เสริมทักษะ EF ปลูกฟังทักษะภาวะผู้นำ(จิตอาสา) ส่งเสริมพัฒนาการโดยผ่านกิจกรรม 6 หลัก เคลื่อนไหวและจังหวะ สร้างสรรค์เสรี เสริมประสบการณ์กลางแจ้ง เกมการศึกษา
   1. มีความเป็นเลิศและแสดงความสามารถโดดเด่นทางวิชาการ
   2. มีสัมมาคาราวะและมีความประพฤติเรียนร้อย อยู่ในหลักศีลธรรม จริยธรรมอันดี
   3. ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีนิสัยรักการอ่าน และแสวงหาความรู้ด้วยตอนเองอยู่เสมอและสามารถปรักตัวก้าวทันเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลง
   4. เป็นผู้มีน้ำใจนักกีฬา รักดนตรี ภาคภูมิในในศิลปวัฒนธรรมประจำชาติยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองระบบประชาธิปไตย อันมีมหากษัตริย์เป็นประมุข
   5. มีความสามารถและทักษะในการคิด แก้ไขปัญหา การทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความเป็นผู้นำ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มองโลกในแง่ดี เห็นแกส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน

ด็กปฐมวัยอายุต่ำกว่า 3 ปี
เด็กปฐมวัย อายุ 3-5 ปี
โดยมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ทั้ง 12 ข้อมีดังนี้

– ร่างกายเจริญเติบโตตามวัย และมีสุขนิสัยที่ดี
– กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว และประสานสัมพันธ์กัน
– มีสุขภาพจิตดีและมีความสุข
– มีคุณธรรม จริยธรรม
– ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว และรักการออกกำลังกาย
– ช่วยเหลือตนเองได้เหมาะสมกับวัย
– รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความเป็นไทย
– อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
– ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย
– มีความสามารถในการคิดและการแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับวัย
– มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
– มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีทักษะในการ แสวงหาความรู้

ในการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย กระทรวงศึกษาธิการ (2546:5) ได้กำหนดปรัชญาการศึกษา ไว้ดังนี้
การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ปี บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ตามศักยภาพภายใต้บริบทสังคม วัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคนเพื่อสร้างรากฐาน คุณภาพชี้วัดให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเองและสังคม (กระทรวงศึกษาธิการ2546:3)


หลักการการจัดการศึกษาปฐมวัยกระทรวงศึกษาธิการ(2546:5) ได้กำหนดหลักการในการศึกษาในระดับปฐมวัยไว้ดังนี้
เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการ ตลอดจนการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เด็กกับผู้เลี้ยงดู หรือบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และให้การศึกษาเด็กปฐมวัย เพื่อให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลำดับขั้นของพัฒนาการทุกด้านอย่างสมดุลและเต็มศักยภาพ โดยกำหนดหลักการ ดังนี้
   1. ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการที่ครอบคลุมเด็กปฐมวัยทุกประเภท
   2. ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและวิถีชีวิตของเด็กตามบริบทของชุมชน สังคม และวัฒนธรรม
   3. พัฒนาเด็กโดยองค์รวมเน้นการเล่นและกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย
   4. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข
   5. ประสานความร่วมมือระหว่างครอบครัว ชุมชน และสถานศึกษาในการพัฒนาเด็ก

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย มุ่งให้เด็กพัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาที่เหมาะสมกับวัย ความสามารถและความแตกต่างระหว่างบุคคล จึงกำหนดจุดมุ่งหมายซึ่งถือเป็นมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ได้ ดังนี้ (กระทรวงศึกษาธิการ 2546:31)
   1. ร่างกายเจริญเติบโตตามวัยและมีสุขนิสัยที่ดี
   2. กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว และประสานสัมพันธ์กัน
   3. มีสุขภาพจิตที่ดีและมีความสุข
   4. มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจดีงาม
   5. ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี การเคลื่อนไหว และรักการออกกำลังกาย
   6. ช่วยเหลือตนเองได้เหมาะสมกับวัย
   7. รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และความเป็นไทย
   8. อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
   9. ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย
   10. มีความสามารถในการคิดและการแก้ปัญหาได้เหมาะสมกับวัย
   11. มีจิตนาการและความคิดสร้างสรรค์
   12. มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีทักษะในการแสวงหาความรู้

คุณลักษณะตามวัยเป็นความสามารถตามวัยหรือพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงอายุ พัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงอายุ อาจจะเร็วหรือช้ากว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็เป็นได้ แต่จะพัฒนาไป อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้กำหนดคุณลักษณะตามวัยที่สำคัญของเด็กช่วงอายุ 3-5 ปี

เพื่อให้การจัดการศึกษาเป็นไปตามหลักการ จุดหมายที่กำหนดไว้ให้สถานศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฏิบัติ ในการจัดหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยจึงกำหนดโครงสร้างของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

1.4.1 การจัดชั้นหรือกลุ่มเด็ก ให้ยึดอายุเป็นหลักและอาจเรียกชื่อแตกต่างกันไปตาม หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแล เช่น กลุ่มเด็กที่มีอายุ 3 ปี อาจเรียกชื่อ อนุบาล 1 กลุ่มเด็กที่มีอายุ 4 ปี อาจเรียกชื่ออนุบาล 2 กลุ่มเด็กที่มีอายุ 5 ปี อาจเรียกชื่อ อนุบาล 3 หรือเด็กเล็ก ฯลฯ
1.4.2 ระยะเวลาเรียน ใช้เวลาในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็ก 1-3 ปีการศึกษาโดยประมาณทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของเด็กที่เริ่มเข้ารับการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษา 

1.4.3 สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย สำหรับเด็กอายุ 3 – 5 ปี ประกอบด้วย 2 ส่วน คือประสบการณ์สำคัญและสาระที่ควรเรียนรู้ ทั้งสองส่วนใช้เป็นสื่อกลางในการจัดประสบการณ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ สติปัญญา ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาเด็กให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์โดยผู้สอนหรือผู้จัดการศึกษาอาจจัดในรูปแบบหน่วยการสอนแบบบูรณาการหรือเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยรวมทั้งต้องสอดคล้องกับปรัชญาและหลักการจัดการศึกษาปฐมวัย

1.ประสบการณ์สำคัญ

จะช่วยอธิบายให้ผู้สอนเข้าใจว่าเด็กปฐมวัยต้องทำอะไร เรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว อย่างไร และทุกประสบการณ์มีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก ช่วยแนะผู้สอนในการสังเกต สนับสนุน และวางแผนการจัดกิจกรรมให้เด็ก ประสบการณ์สำคัญที่กำหนดไว้ในหลักสูตรมีความสำคัญต่อการสร้างองค์ความรู้ของเด็ก ตัวอย่างเช่น เด็กเข้าใจความหมายของพื้นที่ ระยะ ผ่านประสบการณ์สำคัญการบรรจุและเทออก ดังนั้นผู้สอนจึงวางแผนจัดกิจกรรมให้เด็กเล่นบรรจุทราย/น้ำลงในภาชนะหรือถ่ายเททราย/น้ำออกจากภาชนะต่างๆ ขณะเล่นทรายเล่นน้ำ เด็กจะเรียนรู้ผ่านประสบการณ์สำคัญซ้ำแล้วซ้ำอีก มีการปฏิสัมพันธ์กับวัตถุ สิ่งของ ผู้ใหญ่ และเด็กอื่น ฯลฯ ผู้สอนที่เข้าใจและเห็นความสำคัญจะยึดประสบการณ์สำคัญเป็นเสมือนเครื่องมือสำหรับการสังเกตพัฒนาการเด็ก แปลการกระทำของเด็ก ช่วยตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดสื่อ และช่วยวางแผนกิจกรรมในแต่ละวัน ประสบการณ์สำคัญสำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี จะครอบคลุมพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน คือ
   – ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย 

   เป็นการสนับสนุนให้เด็กได้มีโอกาสดูแลสุขภาพและสุขอนามัย รักษาความปลอดภัย พัฒนากล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก
   – ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ 

   เป็นการสนับสนุนให้เด็กได้แสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกที่เหมาะสมกับวัย มีความสุข ร่าเริงแจ่มใสได้พัฒนาคุณธรรมจริยธรรม สุนทรียภาพ ความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและความเชื่อมั่นในตนเองขณะปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ
   – ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม

   เป็นการสนับสนุนให้เด็กได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับบุคคลและสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัวจากการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆผ่านการเรียนรู้ทางสังคม เช่น การเล่น การทำงานกับผู้อื่น การปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน การแก้ปัญหาข้อขัดแย้งต่างๆ ฯลฯ
   – ประสบการณ์สำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญา

เป็นการสนับสนุนให้เด็กได้รับรู้ เรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ผ่านการคิด การใช้ภาษา การสังเกต การจำแนกและเปรียบเทียบ จำนวน มิติสัมพันธ์(พื้นที่/ระยะ) และเวลา

2.สาระที่ควรเรียนรู้

 สาระในส่วนนี้กำหนดเฉพาะหัวข้อไม่มีรายละเอียดทั้งนี้เพื่อประสงค์จะให้ผู้สอนสามารถกำหนดรายละเอียดขึ้นเองให้สอดคล้องกับวัย ความต้องการ ความสนใจของเด็ก อาจยืดหยุ่นเนื้อหาได้โดยคำนึงถึงประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อมในชีวิตจริงของเด็ก ผู้สอนสามารถนำสาระที่ควรเรียนรู้มาบูรณาการ จัดประสบการณ์ต่างๆให้ง่ายต่อการ เรียนรู้ ทั้งนี้มิได้ประสงค์ให้เด็กท่องจำเนื้อหา แต่ต้องการให้เด็กเกิดแนวคิดหลังจากนำสาระการเรียนรู้นั้นๆมาจัดประสบการณ์ให้เด็กเพื่อให้บรรลุจุดหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ สาระที่ควรเรียนรู้ยังใช้เป็นแนวทางช่วยผู้สอนกำหนดรายละเอียดและความยากง่ายของเนื้อหาให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กสาระที่ควรเรียนรู้ประกอบด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก ธรรมชาติรอบตัว และสิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก ดังนี้

 

2.1 เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เด็กควรรู้จักชื่อ นามสกุล รูปร่าง หน้าตาของตน รู้จักอวัยวะต่างๆ และวิธีระวังรักษาร่างกายให้สะอาด ปลอดภัย มีสุขอนามัยที่ดี เรียนรู้ที่จะเล่นและ ทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองคนเดียวหรือกับผู้อื่น ตลอดจนเรียนรู้ที่จะแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก และแสดงมารยาทที่ดีทั้งนี้ เมื่อเด็กมีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนเองแล้ว เด็กควรจะเกิดแนวคิดดังนี้
   – ฉันมีชื่อตั้งแต่เกิด ฉันมีเสียง รูปร่างหน้าตาไม่เหมือนใคร ฉันภูมิใจที่เป็น ตัวฉันเองเป็นคนไทยที่ดี มีมารยาท มีวินัย รู้จักแบ่งปัน ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง เช่น แต่งตัว แปรงฟัน รับประทานอาหาร ฯลฯ
   – ฉันมีอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตา หู จมูก ปาก ขา มือ ผม นิ้วมือ นิ้วเท้า ฯลฯ และ ฉันรู้จักวิธีรักษาร่างกายให้สะอาด ปลอดภัย มีสุขภาพดี
   – ฉันต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ออกกำลังกาย และพักผ่อน เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโต
   – ฉันเรียนรู้ข้อตกลงต่างๆรู้จักระมัดระวังรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นเมื่อทำงาน เล่นคนเดียว และเล่นกับผู้อื่น
   – ฉันอาจรู้สึกดีใจ เสียใจ โกรธ เหนื่อย หรืออื่น ๆ แต่ฉันเรียนรู้ที่จะแสดงความรู้สึกในทางที่ดี และเมื่อฉันแสดงความคิดเห็น หรือทำสิ่งต่าง ๆด้วยความคิดของตนเอง แสดงว่าฉันมีความคิดสร้างสรรค์ ความคิดของฉันเป็นสิ่งสำคัญ แต่คนอื่นก็มีความคิดที่ดีเหมือนฉันเช่นกัน

 

2.2 เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก เด็กควรได้มีโอกาสรู้จักและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน รวมทั้งบุคคลต่างๆที่เด็กต้องเกี่ยวข้อง หรือมีโอกาสใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ เมื่อเด็กมีโอกาสเรียนรู้แล้วเด็กควรเกิดแนวคิด ดังนี้
   – ทุกคนในครอบครัวของฉันเป็นบุคคลสำคัญ ต้องการที่อยู่อาศัย อาหาร เสื้อผ้า และยารักษาโรค รวมทั้งต้องการความรัก ความเอื้ออาทร ช่วยดูแลซึ่งกันและกัน ช่วยกันทำงานและปฏิบัติตามข้อตกลงภายในครอบครัว ฉันต้องเคารพเชื่อฟังพ่อแม่และผู้ใหญ่ในครอบครัว ปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกาลเทศะ ครอบครัวของฉันมีวันสำคัญต่าง ๆ เช่น วันเกิดของบุคคลในครอบครัว วันทำบุญบ้าน ฯลฯ ฉันภูมิใจในครอบครัวของฉัน
   – สถานศึกษาของฉันมีชื่อเป็นสถานที่ที่เด็กๆมาทำกิจกรรมร่วมกันและทำให้ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย สถานศึกษาของฉันมีคนอยู่ร่วมกันหลายคนทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบ ปฏิบัติตามกฏระเบียบ ช่วยกันรักษาความสะอาดและทรัพย์สมบัติของสถานศึกษา ส่วนครูรักฉันและเอาใจใส่ดูแลเด็กทุกคน เวลาทำกิจกรรมฉันและเพื่อนจะช่วยกันคิด ช่วยกันทำ รับฟังความคิดเห็น และรับรู้ความรู้สึกซึ่งกันและกัน
   – ท้องถิ่นของฉันมีสถานที่ บุคคล แหล่งวิทยากร แหล่งเรียนรู้ต่างๆที่สำคัญ คนในท้องถิ่นที่ฉันอาศัยอยู่มีอาชีพที่หลากหลาย เช่น ครู แพทย์ ทหาร ตำรวจ ชาวนา ชาวสวน พ่อค้า แม่ค้า ฯลฯ ท้องถิ่นของฉันมีวันสำคัญของตนเอง ซึ่งจะมีการปฏิบัติกิจกรรมที่แตกต่างกันไป
   – ฉันเป็นคนไทย มีวันสำคัญของชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ มี วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีหลายอย่าง ฉันและเพื่อนนับถือศาสนา หรือมีความเชื่อที่เหมือนกันหรือแตกต่างกันได้ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ฉันภูมิใจที่ฉันเป็นคนไทย

 

2.3 ธรรมชาติรอบตัว เด็กควรจะได้รู้จักสิ่งมีชีวิตที่เป็นต้นไม้ ดอกไม้ สัตว์ รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของโลกที่แวดล้อมเด็กตามธรรมชาติ เช่น ฤดูกาล กลางวัน กลางคืน ฯลฯ แนวคิดที่ควรให้เกิดหลังจากเด็กเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว มีดังนี้
   -ธรรมชาติรอบตัวฉันมีทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สิ่งมีชีวิตต้องการอากาศ แสงแดด น้ำและอาหารเพื่อเจริญเติบโต สิ่งมีชีวิตสามารถปรับตัวให้เข้ากับลักษณะอากาศ ฤดูกาล และยังต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน สำหรับสิ่งไม่มีชีวิต เช่น น้ำ หิน ดิน ทราย ฯลฯ มีรูปร่าง สี ประโยชน์ และโทษต่างกัน
   – ลักษณะอากาศรอบตัวแต่ละวันอาจเหมือนหรือแตกต่างกันได้บางครั้งฉันทายลักษณะอากาศได้จากสิ่งต่างๆรอบตัว เช่น เมฆ ท้องฟ้า ลม ฯลฯในเวลากลางวันเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนดวงอาทิตย์ตก คนส่วนใหญ่จะตื่นและทำงาน ส่วนฉันไปโรงเรียนหรือเล่น เวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ตกจนดวงอาทิตย์ขึ้น ฉันและคนส่วนใหญ่จะนอนพักผ่อนตอนกลางคืน
   – สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติรอบตัวฉัน เช่น ต้นไม้ สัตว์ น้ำ ดิน หิน ทราย อากาศ ฯลฯ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตต้องได้รับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นรอบๆตัวฉัน เช่น บ้านอยู่อาศัย ถนนหนทาง สวนสาธารณะ สถานที่ต่าง ๆ ฯลฯ เป็นสิ่งที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทุกคนรวมทั้งฉันช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักษาสาธารณสมบัติโดย ไม่ทำลายและบำรุงรักษาให้ดีขึ้นได้

 

2.4 สิ่งต่างๆ รอบตัวเด็ก เด็กควรจะได้รู้จักสิ่งของเครื่องใช้ ยานพาหนะและการสื่อสารต่างๆ ที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันของเด็ก ทั้งนี้เมื่อเด็กมีโอกาสเรียนรู้แล้วเด็กควรเกิดแนวคิด ดังนี้
   – สิ่งต่างๆรอบตัวฉันส่วนใหญ่มีสี ยกเว้นกระจกใส พลาสติกใส น้ำบริสุทธิ์ อากาศบริสุทธิ์ ฉันเห็นสีต่างๆด้วยตา แสงสว่างช่วยให้ฉันมองเห็นสี สีมีอยู่ทุกหนทุกแห่งที่ฉันสามารถเห็น ตามดอกไม้ เสื้อผ้า อาหาร รถยนต์ และอื่น ๆ สีที่ฉันเห็นมีชื่อเรียกต่างๆกัน เช่น แดง เหลือง น้ำเงิน ฯลฯ สีแต่ละสีทำให้เกิดความรู้สึกต่างกัน สีบางสีสามารถใช้เป็นสัญญาณ หรือสัญลักษณ์สื่อสารกันได้
   – สิ่งต่าง ๆ รอบตัวฉันมีชื่อ ลักษณะต่าง ๆ กัน สามารถแบ่งตามประเภท ชนิด ขนาด สี รูปร่าง พื้นผิว วัสดุ รูปเรขาคณิต ฯลฯ
   – การนับสิ่งต่าง ๆ ทำให้ฉันรู้จำนวนสิ่งของ และจำนวนนับนั้นเพิ่มหรือลดได้ ฉันเปรียบเทียบสิ่งของต่างๆ ตามขนาด จำนวน น้ำหนัก และจัดเรียงลำดับสิ่งของต่าง ๆ ตามขนาด ตำแหน่ง ลักษณะที่ตั้งได้
   – คนเราใช้ตัวเลขในชีวิตประจำวัน เช่น เงิน โทรศัพท์ บ้านเลขที่ ฯลฯ ฉันรวบรวมข้อมูลง่าย ๆ นำมาถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจได้โดยนำเสนอด้วยรูปภาพ แผนภูมิ แผนผัง แผนที่ ฯลฯ
   – สิ่งที่ช่วยฉันในการชั่งตวงวัด มีหลายอย่าง เช่น เครื่องชั่ง ไม้บรรทัด สายวัด ถ้วยตวง ช้อนตวง เชือก วัสดุ สิ่งของอื่น ๆ บางอย่างฉันอาจใช้การคาดคะเนหรือกะประมาณ
   – เครื่องมือเครื่องใช้มีหลายชนิดและหลายประเภท เช่น เครื่องใช้ในการทำสวน การก่อสร้าง เครื่องใช้ภายในบ้าน ฯลฯ คนเราใช้เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน แต่ขณะเดียวกันต้องระมัดระวังในเวลาใช้เพราะอาจเกิดอันตรายและเกิดความเสียหายได้ถ้าใช้ผิดวิธีหรือใช้ผิดประเภท เมื่อใช้แล้วควรทำความสะอาด และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
   – ฉันเดินทางจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งได้ด้วยการเดินหรือใช้ยานพาหนะ พาหนะบางอย่างที่ฉันเห็นเคลื่อนที่ได้โดยการใช้เครื่องยนต์ ลม ไฟฟ้า หรือคนเป็นผู้ทำให้เคลื่อนที่ คนเราเดินทางหรือขนส่งได้ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ พาหนะที่ใช้เดินทาง เช่น รถยนต์ รถเมล์ รถไฟ เครื่องบิน เรือ ฯลฯ ผู้ขับขี่จะต้องได้รับใบอนุญาตขับขี่และทำตามกฎจราจรเพื่อความปลอดภัยของทุกคน และฉันต้องเดินบนทางเท้า ข้ามถนนตรงทางม้าลาย สะพานลอย หรือตรงที่มีสัญญาณไฟ เพื่อความปลอดภัยและต้องระมัดระวังเวลาข้าม
   – ฉันติดต่อสื่อสารกับบุคคลต่างๆได้หลายวิธี เช่น โดยการไปมาหาสู่ โทรศัพท์ โทรเลข จดหมาย จดหมายอิเลคทรอนิคส์ ฯลฯ และฉันทราบข่าวความเคลื่อนไหวต่างๆ รอบตัวด้วยการสนทนา ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ และอ่านหนังสือ หนังสือเป็นสื่อในการ ถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึกไปยังผู้อ่าน ถ้าฉันชอบอ่านหนังสือ ฉันก็จะมีความรู้ ความคิดมากขึ้น ฉันใช้ภาษาทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เพื่อการสื่อความหมายในชีวิตประจำวัน

ระดับประถมศึกษา

รายลเอียดประถมศึกษา
  1. มีความเป็นเลิศและแสดงความสามารถโดดเด่นทางวิชาการ
  2. มีสัมมาคาราวะและมีความประพฤติเรียนร้อย อยู่ในหลักศีลธรรม จริยธรรมอันดี
  3. ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีนิสัยรักการอ่าน และแสวงหาความรู้ด้วยตอนเองอยู่เสมอและสามารถปรักตัวก้าวทันเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลง
  4. เป็นผู้มีน้ำใจนักกีฬา รักดนตรี ภาคภูมิในในศิลปวัฒนธรรมประจำชาติยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองระบบประชาธิปไตย อันมีมหากษัตริย์เป็นประมุข
  5. มีความสามารถและทักษะในการคิด แก้ไขปัญหา การทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความเป็นผู้นำ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มองโลกในแง่ดี เห็นแกส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
– นักเรียนที่สอบผ่านชั้นอนุบาล 3
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ถึงปีที่ 6
– นักเรียนที่มีพื้นฐานความรู้ในระดับนั้นๆ

  • สัมภาษณ์นักเรียนและผู้ปกครอง
  • ทดสอบความพร้อมทางด้านวิชาภาษาไทยภาษาอังกฤษคณิตศาสตร์
  • ทดสอบวาดภาพตามจินตนาการและพร้อมนำเสนอ

ภาคเรียน MEP
– ค่าแรกเข้า 5,000 บาท
– เตรียมอนุบาล 35,000 บาท
ภาคเรียน MEP
– ค่าแรกเข้า 5,000 บาท
– อนุบาลชั้นปีที่ 1 – ประถมศึกษาปีที่ 6 ( 35,000 บาท )
ภาคเรียน IEAP
– ค่าแรกเข้า 10,000 บาท
– ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ( 65,000 บาท )

  • ว่ายน้ำ
  • คอมพิวเตอร์
  • ภาษาอังกฤษ
  • ภาษาจีน
  • คหกรรม
  • ศิลปะ
  • ดนตรี
  • ค่าอาหารกลางวัน

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 เป็นการต่อยอดจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้ง เจตคติ ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ

1. ปีการศึกษา 2561 ให้ใช้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 4 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4

2. ปีการศึกษา 2562 ให้ใช้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และ 5 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5

3. ปีการศึกษา 2563 เป็นต้นไป ให้ใช้ทุกชั้นเรียน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
   – ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
   – ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
   – ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางสาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และแนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
การวัดและประเมินผลของโรงเรียน ยึดตามแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยกำหนดให้สถานศึกษาประเมินผลการเรียนรู้ ใน 4 ด้าน
   1. การประเมินผลการเรียนรายวิชาของ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้
   2. การประเมินความสามารถด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน
   3. การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
   4. การประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
   5. การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
การวัดและประเมินผล ใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย และมีความต่อเนื่อง ในระหว่างที่การเรียนการสอนหรือทำกิจกรรมเน้นการประเมินตามสภาพจริงและให้ความสำคัญกับการประเมินระหว่างเรียน/กิจกรรม มากกว่าการประเมินปลายภาค/ปลายปี

  • การวัดผล
    -การบ้านประจำวัน
    -การสังเกตพฤติกรรม
    -การเรียนรู้ตามหน่วยการเรียน
    -การวัดผลด้านความรู้
  • การประเมินผล
    -การตรวจการบ้านประจำวัน
    -การประเมินพัฒนาการ
    -การทดสอบ
  • ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
    เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่างๆไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันการเรียนรู้ด้วยตนเองการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องการทำงานและการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล
  • ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
    เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆและมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้การสื่อสารการทำงานการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ถูกต้องเหมาะสมและมีคุณธรรม
  • คุณลักษณะอันพึงประสงค์
    – รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
    – ซื่อสัตย์สุจริต
    – มีวินัย
    – ใฝ่เรียนรู้
     -อยู่อย่างพอเพียง
    – มุ่งมั่นในการทำงาน
    – รักความเป็นไทย
    – มีจิตสาธารณะ
  • สมรรถนะสำคัญของนักเรียน
    1. ความสามารถในการสื่อสาร
    2. ความสามารถในการคิด
    3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
  • Me-C (Math Chinese and English Program)
    เพื่อเสริมทักษะด้าน กระบวนการด้วยวิชาคณิตศาสตร์แบบญี่ปุ่นการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษและภาษาจีนโดยมีจุดเน้นสำคัญดังนี้
    1. Mathematices พัฒนาระบบการคิดของนักเรียนผ่านการเรียนวิชาคณิตศาสตร์แบบญี่ปุ่น
    2. English เน้นฝึก 4 ทักษะคือการฟังนักเรียนฝึกกับครูเจ้าของภาษาการพูดนักเรียนโต้ตอบกับครูเจ้าของภาษาการอ่านนักเรียนรู้หลักการอ่านตาม Phonic และการเขียนนักเรียนเขียนคำศัพท์ Easy อย่างง่ายๆ
    3. Chineses เน้นการรับ-ส่งสารพื้นฐาน โดยการฟัง-พูดกับครูคนจีนโดยตรง การอ่านรู้หลักการอ่านและระบบพินอินการเขียน-ตามหลักลำดับขีดของตัวหนังสือจีนพื้นฐาน โดยเวลาโดยเพิ่มเวลาการสอนวิชาคณิตศาสตร์ วิชาภาษาอังกฤษวิชาภาษาจีนสัปดาห์ละ 5-6 คาบ โดยครูชาวต่างชาติเจ้าของภาษา และเสริมพิเศษด้วยครูไทยที่ชำนาญด้านภาษาอีก 1 คาบซึ่งลักษณะการเรียนการสอนด้วยภาษาไทยในแต่ละสาระการเรียนรู้ จึงเป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับบุตรหลานที่ผู้ปกครองต้องการส่งเสริมให้ได้ศึกษาต่อระดับมัธยมสูงขึ้นไป
    4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
    5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
  • คุณลักษณะอันพึงประสงค์
    – รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
    – ซื่อสัตย์สุจริต
    – มีวินัย
    – ใฝ่เรียนรู้
    – อยู่อย่างพอเพียง
    – มุ่งมั่นในการทำงาน
    – รักความเป็นไทย
    – มีจิตสาธารณะ
Scroll to Top